เลือกชนิดแอร์ อย่างให้เหมาะกับการใช้งาน

ชนิดแอร์
ชนิดของแอร์ ในปัจจุบันจะแบบออกได้หลายชนิดตามการใช้งาน ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ทำหน้าที่ดูดซับความร้อนจากภายในออกสู่ภายนอก

ชนิดแอร์

ความหมายของเครื่องปรับอากาศ หรือ แอร์ เป็นเครื่องที่ช่วยระบายความร้อนภายในบ้านหรือตัวอาคาร ทำให้รู้สึกเย็นสบาย ทำงานโดยการใช้สารทำความเย็น หรือน้ำยาแอร์เป็นตัวกลางดูดความร้อนออกนอกบ้านหรือตัวอาคาร ซึ่งแอร์ที่ใช้กันในปัจจุบันจะแบบออกได้หลายชนิดตามการใช้งาน ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่

ชนิดของแอร์กับการใช้งาน

1. แอร์แบบติดผนัง (Wall Type)
เป็นเครื่องปรับอากาศที่เราหลายคนคุ้นตาและคุ้นชื่อดีเพราะเป็นเครื่องปรับอากาศที่ทุกครัวเรือนนิยมใช้เพราะมีการติดตั้งที่ประหยัดพื้นที่ มีรูปร่างกะทัดรัดเหมาะสำหรับที่อยู่อาศัยที่มีขนาดที่จำกัดเช่น คอนโดมิเนียม อพาทเม้นท์ หรือหอนักศึกษา หรือห้องที่มีขนาดเล็กเช่นห้องนอน ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่นหรือห้องทำงานที่ต้องการประหยัดพื้นที่
ข้อดี: รูปแบบทันสมัย และมีให้เลือกหลากหลาย เงียบ ติดตั้งง่าย
ข้อเสีย: ไม่เหมาะกับงานหนัก เนื่องจากคอยล์เย็นมีขนาดเล็กส่งผลให้คอยล์สกปรก และอุดตันง่ายกว่าคอยล์ที่มีขนาดใหญ่กว่า

2. แอร์แบบแขวน (Ceiling Type)
เป็นเครื่องปรับอากาศที่มีคุณสมบัติคล้ายๆ กับเครื่องปรับอากาศแบบติดผนังแต่สามารถใช้ได้ตั้งแต่พื้นที่ขนาดเล็กไปจนถึงพื้นที่มีขนาดใหญ่เลยที่เดียวซึ่งการใช้งานนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของบีทียู
ข้อดี: ติดตั้งได้ทั้งตั้งพื้นและแขวนเพดาน ใช้งานได้หลากหลาย เข้าได้กับทุกสถานที่ การระบายลมดี
ข้อเสีย: มีรูปแบบให้เลือกน้อย

3. แอร์แบบตั้งพื้น (Package Type)
เครื่องปรับอากาศในลักษณะนี้ตามร้านอาหารหรือตามวัดก็ได้เพราะเครื่องปรับอากาศแบบตั้งพื้นนั้นมีกำลังลมที่แรงและเหมาะกับพื้นที่หรือห้องที่มีคนเข้าออกอยู่ตลอดเวลาเพื่อคงอากาศที่เย็นเอาไว้แม้จะมีการเปิดหรือปิดประตูบ่อยๆ
ข้อดี: ตั้งกับพื้นได้เลยไม่ต้องทำการยึด เย็นเร็ว มีเส้นผ่านศูนย์กลางใบพัดลมใหญ่ให้กำลังลมแรง
ข้อเสีย: เกะกะ เพราะต้องมีพื้นที่ในการวาง

4. แอร์แบบฝ้าฝังในเพดานสี่ทิศทาง (Cassette Type)
เครื่องปรับอากาศประเภทนี้จะต้องทำการฝังซ่อนเอาไว้บนเพดานหรือผนังและมีช่องลมเท่านั้นที่คุณสามารถเห็นได้เท่านั้นซึ่งจุดประสงค์ของเครื่องปรับอากาศประเภทนี้คือซ่อนเอาไว้เพื่อความสวนงามจะพบบ่อยๆ ตามโรงแรม
ข้อดี: สวยงาม ซ่อน หรือ ฝังเรียบไว้บนเพดานห้อง ไม่เกะกะ
ข้อเสีย: ติดตั้งยาก เพราะฝังซ่อนเพดานห้อง การดูแลรักษาค่อนข้างยาก

5. แอร์แบบหน้าต่าง (Window Type)
เครื่องปรับอากาศปรับอากาศประเภทนี้จะรวมทั้งคอนเดนซิ่งยูนิตและแฟนคอยล์ยูนิตเอาไว้ในเครื่องเดียวกัน ซึ่งในปัจจุบันไม่นิยมใช้แล้ว
ข้อดี: ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งคอนเดนซิ่ง ยูนิต ติดตั้งง่าย ไม่เดินท่อน้ำยา ทำความเย็นสูงกว่าแบบอื่นๆ
ข้อเสีย: มีเสียงดังจากการทำงานของคอมเพรสเซอร์ เกิดแรงสั่นสะเทือนของตัวเครื่องและผนัง ถ้าเครื่องใหญ่เกินไปช่องหน้าต่างจะรับน้ำหนักไม่ไหว

6. เครื่องปรับอากาศแบบท่อ (Duct Type)
เครื่องปรับอากาศจำพวกนี้นั้นส่วนใหญ่จะมีบีทียูมากเพราะจะใช้ท่อส่งลมไปยังห้องต่างๆ ทั่วบ้านโดยที่เปิดเครื่องปรับอากาศเพียงครั้งเดียว
ข้อดี: เป็นแอร์ขนาดใหญ่ 60000-600000 BTU ให้ความเย็นสูง สามารถส่งลมผ่านท่อไปยังช่องลมได้ทีละหลายช่อง
ข้อเสีย: เหมาะกับพื้นที่ใช้งานขนาดใหญ่ที่ต้องการความเย็นที่ทั่วถึง เช่น หอประชุม ห้างสรรพสินค้า

7. เครื่องปรับอากาศแบบเคลื่อนที่ (Movable Type)
เป็นเครื่องปรับอากาศที่สะดวกสบายสามารถเคลื่อนย้ายได้และเหมาะกับห้องที่ค่อยข้างมีขนาดเล็กไปจนถึงห้องที่ขนาดปานกลางซึ่งไม่ต้องติดตั้งให้เสียเวลาเพียงเสียบปลั๊กก็สามารถใช้ได้เลย ที่สำคัญสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่จัดวางได้เพียงแค่เลื่อนหรือเข็นเท่านั้น นับว่าสะดวกสบายเป็นอย่างมาก
ข้อดี: ขนาดกะทัดรัด ไม่ต้องติดตั้ง เคลือนย้ายไปตั้งได้ทุกพื้นที่ตามต้องการ ไม่ว่าจะกลางแจ้งหรือในห้อง
ข้อเสีย: เหมาะกับห้องขนาดเล็กและขนาดไม่ใหญ่มาก ให้ความเย็นได้น้อย

ชนิดแอร์ที่นิยมในประเทศไทย

1. แอร์ แบบหน้าต่าง (Window Type Air Conditioning)
2. แอร์ แบบแยกส่วน (Split Type Air Conditioning)
3. แอร์ แบบชุด (Package Air Conditioning)
4. แอร์ แบบทำความเย็นจากส่วนกลาง (Central Air Conditioning)

สั่งซื้อน้ำยาแอร์คลิ๊ก LINE : @ fillkool